มนุษย์หมาป่าหรือไลแคนธ์
ผมได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วนะครับว่า ความเชื่อของชาวยุโรปโบราณก็คือคนเราสามารถกลายเป็นแวมไพร์ได้ในทุกขณะจิต หากเกิดการตายที่ผิดปกติวิสัยขึ้น เป็นต้นว่าการฆ่าตัวตาย (ซึ่งถือเป็นบาปร้ายแรงสำหรับชาวคริสต์) การตายเพราะคำสาปมนตร์ดำ, ตายขณะที่กำลังคลอด หรือแม้แต่การตายเนื่องจากถูกฆาตรกรรม ความตายเหล่านี้จะทำให้วิญญาณของผู้ตายผูกติดอยู่กับร่าง และกลายเป็น Undead หรือแวมไพร์ไปในที่สุด โทษานุโทษที่แวมไพร์มีกับมนุษย์ก็สุดแต่จะว่ากันไปตามความเชื่อของชนชาติครับ แต่ที่แน่ๆคือคนตายน่าจะอยู่ส่วนคนตาย อย่าว่าแต่ชาวยุโรปโบราณเลย แม้แต่ในบ้านเราก็ไม่มีคนเป็นที่ไหนอยากจะวิสาสะกับคนตายหรอกครับ หรือว่าคุณอยาก?
เมื่อมีกรณีของการตายที่ล่อแหลมต่อการเป็นแวมไพร์เกิดขึ้นในชุมชน ชาวยุโรปเค้าก็มีวิธีแก้เคล็ดครับ เป็นต้นว่าตัดคอของศพออกเสียจากนั้นจึงแยกฝังไว้คนละโลงกัน ในบางครั้งพวกเขาจะใส่ของขลังลงไปในโลงด้วย เช่น ขนมปังที่ผ่านการทำพิธีจากโบสถ์, มะนาว, ที่ฮิตสุดๆก็ต้องเป็นนี่เลยครับ กาลิค-กลีบกระเทียม นัยว่าแวมไพร์กลัวของเหล่านี้ การใส่ของขลังดังกล่าวลงไปจะช่วยมิให้วิญญาณของแวมไพร์กลับมาเข้าร่างได้ภายหลังที่เงามืดของรัตติกาลแผ่ปกคลุม ที่กล่าวไปแล้วคือการป้องกันมิให้ศพกลายเป็นแวมไพร์ไปเสียนะครับ ส่วนศพที่แน่ใจว่าเป็นแวมไพร์ไปแล้วล่ะ จะทำอย่างไร?
ไม่ยากเลยครับ(แต่ต้องกล้ากันหน่อย) วิธีจัดการเราเห็นกันถมถืดในภาพยนตร์ คือหลังจากที่แน่ใจว่าศพไหนกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้ว ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินคนโบราณจะพากันขุดศพนั้นขึ้นมาครับ (ไม่รู้เป็นไงสิน่า ดูหนังทีไรมันขุดเสร็จช่วงพระอาทิตย์ตกพอดี ร้อยทั้งร้อยเรื่องไหนก็เรื่องนั้น) จากนั้นให้เอาลิ่มแหลมที่ทำจากไม้มาตอกอกให้ทะลุหัวใจ หรือไม่ก็ตัดคอเสีย บางตำราบอกว่าเท่านั้นยังไม่ได้ผลครับ ต้องลากขึ้นมาณาปนกิจกันตรงนั้นแหละ ทีนี้ถ้าโชคดีเจอแวมไพร์ที่มีฤทธิ์แก่กล้าเข้าเราจะไม่สามารถทำอันตรายมันได้ด้วยลิ่มหรือการจับย่างเลยครับ ต้องอาศัย Option เพิ่มเติมในการปราบ อุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับการนี้ได้แก่กางเขนหรือกริชที่ทำจากโลหะเงินครับ ลองเจอไอ้นี่เข้าเหอะน่ารับรองว่าแวมไพร์ตนนั้นเป็นต้องสลายกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตาเลยครับ
แต่ส่วนใหญ่แล้วแวมไพร์มักถูกกำจัดลงง่ายๆด้วยวิธีการเผาหรือตัดคออย่างที่ว่าไปแล้ว หลังจากที่เผาแวมไพร์จนกลายเป็นขี้เถ้าคณะปราบแวมไพร์จะแยกกองขี้เถ้าออกเป็นสี่ส่วนเพื่อโปรยไปตามลมทั้งสี่ทิศ นัยว่าเป็นการแก้เคล็ดมิให้เกิดโรคระบาดขึ้น แต่ในกรณีที่ทั้งตอกลิ่ม ตัดคอ เอากริชเงินจิ้ม ทั้งเผาไฟแต่มันยังไม่ยอมไหม้นี่ ตำราเค้าไม่ได้ระบุไว้นะครับว่าต้องทำยังไงกันต่อ ^^!
Lycanthropy: คนหอน คืนโหด
ไลแคนโทรป หรือ ไลแคนโทรปี้ เป็นศัพท์ทางวิชาการที่ใช้เรียกความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ในกรณีที่เราเรียกกันว่ามนุษย์หมาป่า (การกลายเป็นสางหรือเสือสมิงของไทยก็จัดอยู่ในจำพวกเดียวกันครับ) วงการวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาการนี้เกิดจากความผิดปกติของยีนในร่างกาย ที่ทำให้ขนงอกยาวผิดปกติจนคล้ายขนของหมาป่า หาได้เกิดจากเวทย์ดำมนตร์มืดแต่ประการใดไม่ ความผิดปกติดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับหญิงและชาย เคสคลาสสิคที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ได้แก่เรื่องของ Petrus Gonsalvus ผู้ที่เกิดมามีขนปกคลุมร่างกายรุงรังจนผิดปกติ สารรูปของ Gonsalvus คงหล่อเหลาใช่เล่นชาวบ้านแถวนั้นจึงขนานนามให้เขาว่า the wolf-man of Bavaria แต่ไม่ปรากฏว่า Gonsalvus จะคลุ้มคลั่งเที่ยวไล่กินแพะกินแกะชาวบ้านเค้านะครับ เขายังดำเนินชีวิตในชุมชนได้อย่างปกติสุขอย่างปราศจากคนรังเกียจ หลักฐานก็คือเขามีภรรยาสาวสวยและลูกสาวที่เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหมู่บ้าน หา...ถามว่าอะไรนะครับ? ลูกสาวของ Gnsalvus สวยไหมยังงั้นรึ? สวยครับสวยถอดแบบจากพ่อเด๊ะๆ(แถมอาการหนักกว่าอีกต่างหาก) ดยุควิลเลียมแห่งบาวาเรียได้ขอวาดภาพเหมือนของเธอ จากนั้นนำทูลเกล้าถวายแด่ราชาแห่งโบฮีเมียในฐานะของแปลกครับ น่าภูมิใจไหมนี่....
ปรัชญาเมธีชาวโรมันหลายท่านเช่น Virgil, Petronius และ Ovid ล้วนเคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นหมาป่า เฮโรโดตัสแห่งกรีกเองก็เคยเขียนบันทึกทำนองนี้เอาไว้ เขากล่าวถึงประชาชนชาว Neuri เอาไว้ว่า "พวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้เวทย์ที่แก่กล้า ทุกครั้งในรอบปี พวกเขาสามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าและดำรงร่างนั้นเอาไว้ได้นานเจ็ดวัน หลังจากนั้นจึงจะสามารถคืนร่างเดิมที่เป็นมนุษย์ได้" ฟังๆแล้วก็คล้ายสางของทางบ้านเรานะครับ (สางคือผู้เรียนอาคมที่แก่ตัวลงแล้วไม่สามารถคุมอาคมตนอยู่ ทำให้กลายร่างเป็นเสือออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน ส่วนเสือสมิงนี่หมายถึงเสือที่กินคนมากๆเข้าตบะจะแก่กล้าสามารถกลายร่างเป็นคนเพื่อหลอกล่อเหยื่อได้ครับ พูดถึงความร้ายนี่สางร้ายกว่าสมิงแยะ เพราะรวมเอาความฉลาดของคนและความเ***้ยมโหดของเสือเอาไว้ในร่างเดียว)
The case of Peter Stubbe กรณีของมนุษย์หมาป่าที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ถูกบันทึกไว้ในศตวรรษที่ 16 ครับ เหตุเกิดที่เยอรมันเมื่อกระทาชายนาม Peter Stubbe ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายบ้านเมือง จากการสอบสวนทราบว่า Stubbe ได้ทำสัญญาขายวิญญาณให้แก่ปีศาจทำให้เขาได้รับเข็มขัดหนังหมาป่ามาเส้นหนึ่ง ที่เมื่อใส่แล้วเขาจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่ากระหายเลือดในทันที เรื่องนี้มีประจักษ์พยานมากมายครับ ทั้งชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซึ่งรอดชีวิตจากการพยายามเข้าไปจับกุมมนุษย์หมาป่า ^^
คดีของ Stubbe เป็นที่กล่าวขวัญถึงเสมอมาเนื่องจากความพิลึกพิลั่นของมัน เขาใช้ชีวิตอยู่บริเวณมณฑณโคโลญจน์เป็นเวลาถึง 25 ปี บุกเข้ากินแพะแกะชาวบ้านกลางวันแสกๆ ในบางครั้งผู้หญิงกับเด็กที่บังเอิญต้องสัญจรในทางเปลี่ยวก็ตกเป็นเหยื่อของเขา (ข่มขืน ฆ่า แล้วก็กิน โหดดีไหมครับ...) เรื่องที่ว่า Peter Stubbe ขายวิญญาณให้ปีศาจนั้นเห็นทีจะมีเค้าอยู่ครับ เพราะแม้แต่ครอบครัวของเขาเองก็หนีไม่พ้นชะตากรรมถูกสังหารหมู่ Stubbe กล่าวสารภาพต่อคณะลูกขุนว่า เขาเป็นคนฆ่าล้างครอบครัวตัวเอง ทำการข่มขืนลูกสาว พี่สาว และผู้หญิงทุกคนในบ้าน กระทั่งลูกชายของเขาเองก็ถูกทรมานก่อนที่เขาจะควักเอาสมองสดๆออกมากิน
นักวิชาการรุ่นหลังบางคนลงความเห็นว่า Stubbe เป็นผู้พิการทางจิต เขาให้การแบบเลื่อนเปื้อนกับคณะลูกขุนเพื่อแก้ต่างคดีฆาตรกรรมที่เขาก่อขึ้น ฟังดูก็เข้าเค้าครับเพราะสมัยนี้ชอบทำกัน แต่มันขัดกับพยานอื่นๆในที่เกิดเหตุน่ะสิ มีหลายคนให้การตรงกันว่ามนุษย์หมาป่า Peter Stubbe โหดร้ายกระหายเลือดแถมทรงพลังเกินมนุษย์ธรรมดา อาวุธของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ระคายผิวของเขาเลย ซ้ำร้ายบางคนถูกจับกินต่อหน้าต่อตาอีกแน่ะ... อ้าว แล้วไปไงมาไงถึงจับเขาได้อย่างนั้นหรือครับ เรื่องมันเป็นงี้ พอชาวบ้านแน่ใจว่าเจ้ามนุษย์หมาป่าที่อาละวาดมาแสนนานคือนาย Peter Stubbe พวกเขาก็คอยจับตาดูอยู่เงียบๆจนระแคะระคายว่า Stubbe จะใช้เวลาช่วงหนึ่งนอนหลับไหลไม่ได้สติ ก็ช่วงเวลานั้นเองแหละครับ ที่ชาวบ้านพากันย่องไปกระชากเข็มขัดหนังหมาป่าและจับเขามัดเอาไว้ ทีนี้เก๊าะเสร็จ มนุษย์หมาป่าจอมพลังเมื่อแราศจากเข็มขัดแล้วก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาๆเลย
...จากการไต่สวนพบว่า Peter Stubbe ก่อคดีฆาตกรรมไว้ถึง 16 คดี ฆ่าวัวควายแพะแกะอีกไม่นับ ศาลพิพากษาให้ตัดศีรษะเขาเสียบประจานเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนเข็มขัดเส้นนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าปีศาจตนนั้นมาเอาคืนหรือมือดีที่ไหนแอบฉกไว้เป็นสมบัติส่วนตัว